สถานที่ท่องเที่ยว



เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทยตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม เริ่มดำเนินการก่อสร้างในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 โดยกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ
บริเวณด้านหลังเขื่อน สืบเนื่องจากปัญหาการเกิดน้ำท่วมในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักในฤดูน้ำหลากและขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อน อันเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงพระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมถึงการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกด้วย จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เปิดโครงการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำแม่น้ำป่าสัก ภายหลังการศึกษาความเหมาะสม และผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมแล้ว

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างกว่า 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2542 และทำพิธีปฐมฤกษ์กักเก็บน้ำเขื่อนในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเป็นองค์ประธาน และในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามเขื่อนแห่งนี้ว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" อันหมายถึง "เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงทำพิธีเปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
นอกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะทำการกักเก็บน้ำแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดลพบุรี ซึ่งทางด้านสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีหลากหลายสถานที่ ดังนี้


ฝั่งจังหวัดลพบุรี
อาคารอเนกประสงค์ริมอ่างเก็บน้ำ มีสถานที่ปล่อยปลา และ จุดนั่งชมวิวริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
หอคอยเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์ฯ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีบริการรถลากจูง ชมสันเขื่อนฯ ไป - กลับความยาว 9,720 เมตร
ฝั่งจังหวัดสระบุรี
พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย (หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก) อยู่บริเวณท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ที่หยุดรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ขบวนรถไฟวิ่งผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
Pa Sak Jolasid Dam
กิโลเมตรที่ 162.38
แก่งเสือเต้น
Kaeng Sue Ten
-2.73 กม.    โคกสลุง
Khok Salung
+14.17 กม.
ดูเพิ่ม : รายชื่อสถานีรถไฟ สายตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่หยุดรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
Pasak Jolasid Dam.jpg
ข้อมูลสถานี
ที่ตั้ง บริเวณทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี
เส้นทาง  ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
ชานชาลา 1
ระบบอาณัติสัญญาณ     ป้ายเขตสถานี ง.
ข้อมูลอื่น ๆ
เปิดใช้งาน 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541
ที่หยุดรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (อังกฤษ: Pa Sak Jolasid Dam) เป็นที่หยุดรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี อยู่ในเขตทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยที่หยุดรถนี้จะมีรถไฟสายพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว คือ สายกรุงเทพ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เปิดให้บริการในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี
สืบเนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเส้นทางรถไฟช่วงสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นถึงสถานีรถไฟสุรนารายณ์ (เดิม) ซึ่งเส้นทางรถไฟตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับการกักเก็บน้ำของเขื่อน ทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องย้ายเส้นทางรถไฟที่จะถูกน้ำท่วมให้ทันกับการสร้างเขื่อน พร้อมทั้งสร้างที่หยุดรถไฟบริเวณดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนั้นได้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2540 ใช้เวลา 14 เดือน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ทางรถไฟที่ย้ายมาสร้างใหม่จะอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำเป็นระยะทางรวม 24 กิโลเมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้เริ่มมีการเดินรถผ่านเส้นทางดังกล่าว ซึ่งจะเห็นขบวนรถวิ่งบนสันเขื่อนลัดเลาะไปข้างๆ อ่างเก็บน้ำ มองดูเหมือนขบวนรถวิ่งไปบนผิวน้ำ จนชาวบ้านเรียกกันว่า รถไฟลอยน้ำ[4] ตลอด 2 ข้างทางจะได้ชมทัศนียภาพข้างทางรถไฟอันงดงาม

เส้นทางรถไฟก่อนถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก่อนถึงสถานีรถไฟหินซ้อน จะผ่านไร่ดอกทานตะวันบานสะพรั่งตลอดเส้นทางรถไฟสวยงามมาก ว่ากันว่าเป็นไร่ดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดขบวนรถพิเศษนำเที่ยวชมความงามของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงฤดูหนาวทุกปี ขบวนรถออกจากกรุงเทพ 06.40 น. ถึงกรุงเทพ 17.45 น


สวนรุกขชาติมวกเหล็ก หากพูดถึง น้ำตกมวกเหล็ก คนชอบเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี แต่ถ้าพูดถึง สวนรุกขชาติมวกเหล็ก หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าใช่ที่เดียวกันหรือเปล่า และไม่รู้ว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง จริงๆ แล้ว "สวนรุกขชาติมวกเหล็ก" เป็นแหล่งอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและพรรณไม้ป่าที่มีคุณค่าหายากในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพญาเย็น ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 มีพื้นที่ประมาณ 375 ไร่ ปัจจุบันยังเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจและมีความสำคัญในด้านต่างๆ เช่น พรรณไม้ในวรรณคดี พรรณไม้ในพุทธประวัติ พืชสมุนไพร และพรรณไม้ที่มีคุณค่าหายากนานาชนิด

จุดท่องเที่ยวในสวนรุกขชาติฯ มีอยู่หลายแห่ง เริ่มต้นกันที่น้ำตกชื่อดังอย่าง น้ำตกมวกเหล็ก มีต้นกำเนิดมาจากป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี สองฝั่งลำธารมีพรรณไม้ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถนั่งพักผ่อนชมน้ำตกหรือลงเล่นน้ำได้ตลอดทั้งวัน อีกหนึ่งจุดที่ต้องไปเก็บภาพความประทับก็คือ สะพานมวกเหล็ก-ปากช่อง สะพานแขวนข้ามลำธารมวกเหล็ก เชื่อมอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี กับ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอยู่ 2 แห่ง ทางด้านเหนือและใต้ของน้ำตก จากนั้นไปชม ประติมากรรมรากไม้ เป็นการสร้างสรรค์ของธรรมชาติที่บังคับให้ต้นไม้ต้องปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ต้นไม้จึงต้องสร้างรากแผ่ขยายเพื่อยึดเกาะดินที่อ่อนนุ่มให้สามารถทรงตัวและดำรงชีวิตอยู่ได้ จุดสุดท้ายคือ สวนสักทอง สถานีทดลองปลูกพรรณไม้ มีอายุกว่า 50 ปี สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นแม่พันธุ์ในการเก็บเมล็ดขยายพันธุ์ต่อไป


วัดพระพุทธฉาย ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ตำบลหนองปลาไหล เข้าทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บนแผ่นหินซึ่งตั้งอยู่บนชะง่อนผา มีการสร้างมณฑปครอบไว้ มีบันไดจากบริเวณวัดด้านล่างขึ้นไปยังมณฑป และต่อไปยังหน้าผาซึ่งอยู่เหนือมณฑปขึ้นไป
 นอกจากนี้ ยังมีภาพเขียนลายเส้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณเชิงผา ได้แก่ ภาพสัตว์ลายเส้นคล้ายตัวกวาง บริเวณข้างประตูเข้าพระพุทธฉาย พบภาพมือคนและภาพสัญลักษณ์ บริเวณจากถ้ำฤาษีไปทางพระพุทธฉายทางทิศตะวันตก พบภาพเขียนรูปไก่ ภาพพระพุทธรูป และภาพสัญลักษณ์ ส่วนบริเวณหน้าผา จปร. พบภาพลายเส้นขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน คล้ายภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยถูกค้นพบที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี เขียนด้วยยางไม้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี โดยเขียนสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายให้เข้าใจในหมู่เดียวกัน และอาจจะเป็นสื่อทางพิธีกรรม และความเชื่อของคนในยุคนั้น
อีกทั้งยังพบ รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา เมื่อ พ.ศ. 2537 กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมมณฑปบนภูเขาบริเวณวัดพระพุทธฉาย และเมื่อรื้อพื้นซีเมนต์พบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาอยู่ใต้ทรายปรากฏเห็นเป็น รูปรอยประทับในหิน


วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานที่สำคัญ คือ รอยพระพุทธบาท ที่ประทับไว้บนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี รอยพระบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราวครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลายสมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้นเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท ส่วนพระอุโบสถและพระวิหารต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาและตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์
          นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท (วิหารหลวง) ซึ่งเป็นที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธโบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่า พัดยศของพระสมัยต่าง ๆ และท่อประปาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งวิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติจัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ


   น้ำตกโกรกอีดก อยู่ในพื้นที่การดูแลของศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า มีความสูงรวมโดยประมาณ 350 แบ่งเป็น 3 ชั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมได้ที่ชั้นล่างสุดเท่านั้น เพราะทางขึ้นค่อนข้างชันและอันตรายมาก แต่เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่นิยมการท่องเที่ยวประเภทเดินป่า เพราะจะได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมชาติกลางป่าลึก และใช้เวลาในการเดินทางสู่จุดสูงสุดไม่น้อยกว่า 4  ชั่วโมง ภาพเส้นทางเป็นธรรมชาติ ด้วยการเดินผ่านผืนป่าผ่านลำธารหลายจุด ทรายริมลำธารเป็นโป่งผีเสื้อ ปกติจะมีฝูงผีเสื้อลงที่โป่งให้เห็นประจำ เห็ดต่าง ๆ มอส เฟิน และพืชพรรณในป่าฝนมีมากมาย
          ทั้งนี้ น้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อคราวที่ นายปองพล อดิเรกสาร ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจพื้นที่ในเขตสระบุรี และได้มองเห็นน้ำตกขนาดใหญ่เบื้องล่าง จึงได้จัดทีมออกสำรวจเดินป่า ทวนลำน้ำขึ้นไปจนถึงตัวน้ำตก



  น้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นส่วนหนึ่งของลำห้วยมวกเหล็ก มีต้นน้ำมาจากผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คลองมวกเหล็กเป็นคลองที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีให้กำเนิดน้ำตกชั้นเตี้ย ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย จำนวน 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงประมาณ 1-4 เมตร สายน้ำไหลลดหลั่นเป็นธารน้ำตกกว้างคล้ายแก่งขนาดใหญ่มีแอ่งน้ำตื้น ๆ หลายแห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ ซึ่งช่วงที่สวยงามที่สุดของน้ำตกจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน–เดือนเมษายน เพราะมีน้ำใสและยังปลอดภัยแก่ผู้ลงเล่นน้ำ เนื่องจากน้ำไม่เชี่ยวเหมือนในเดือนพฤษภาคม–เดือนตุลาคม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเล่นน้ำตกบริเวณชั้นที่ 1-4 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โทรศัพท์ 0 3622 6431


 ทุ่งทานตะวัน จังหวัดสระบุรี ตั้งอยู่ที่บริเวณเขตติดต่อระหว่างจังหวัดลพบุรีและสระบุรี ตามเส้นทางสายพัฒนานิคม-วังม่วง มีการทำไร่ทานตะวันกันมากในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ริมฝั่งถนนจะสะพรั่งไปด้วยสีเหลืองของดอกทานตะวัน เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ผ่านมาบริเวณนี้เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนับแสนคนจากทั่วประเทศให้เดินทางมาเที่ยวชม และถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทานตะวันมีอยู่หลายอย่างจำหน่าย เช่น เมล็ดทานตะวันอบแห้ง คุกกี้ทานตะวัน ข้าวเกรียบ ข้าวตังทานตะวัน น้ำผึ้งดอกทานตะวัน เกสรผึ้ง นมผึ้ง และเครื่องจักสานใบลานที่ขึ้นชื่อ เป็นต้น สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี โทรศัพท์ 0 3631 9026, สมาคมการท่องเที่ยวสระบุรี โทรศัพท์ 0 3621 8893 และ ททท.สำนักงานลพบุรี (ดูแลพื้นที่จังหวัดลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี) โทรศัพท์ 0 3677 0096-7


ไร่องุ่นอำำเภอมวกเหล็ก อำำเภอมวกเหล็ก มีไร่องุ่นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดทั้งปี คือ ชิมองุ่นสด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น เช่น ไวน์ องุ่นไร้เมล็ด น้ำองุ่น องุ่นหยี แยมองุ่น องุ่นอบแห้ง องุ่นกวน เป็นต้น หรือจะร่วมกิจกรรมเก็บองุ่นก็ได้
สำำหรับไร่องุ่นที่เปิดสำหรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ ไร่องุ่นคุณมาลี อยู่บนเนินสูงชมเถาองุ่นเลื้อยและตัดผลองุ่นสุก ทั้งมีเมล็ดและไร้เมล็ดที่มีรสหวานเจี๊ยบ ปลอดสารพิษ และซื้อน้ำองุ่นรสเข้มข้นเป็นของฝากกลับบ้าน โทรศัพท์ 0 3622 7056-7, 0 3634 1159, สวนองุ่นภูอมรและไวน์องุ่นภูอมร มีผลิตผลจากองุ่นให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งน้ำผลองุ่นสด ๆ น้ำองุ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์องุ่นแปรรูปมากมาย อีกทั้งยังเป็นโรงบ่มไวน์ที่ได้รับรางวัลระดับ 4-5 ดาว อีกด้วย โทรศัพท์ 0 3632 7183, 08 1906 9373, ไร่องุ่นปภัสรา มีองุ่นที่ปลูกโดยวิธีทางธรรมชาติ บนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีอยู่ด้วยกัน 3 พันธุ์ คือ พันธุ์แบล็คไนซ์ เป็นองุ่นพันธุ์สีดำไร้เมล็ด, พันธุ์ลูพเพลเล็ต องุ่นพันธุ์สีเขียวไร้เมล็ด มีรสหวาน และพันธุ์ไข่ปลาคาเวียร์ มีสีดำ เม็ดเล็กเป็นพวงเกาะกันเหมือนเมล็ดพริกไทย มีรสชาติหอมหวาน ดูรายละเอียดได้ที่ เฟซบุ๊ก บ้านสวนองุ่น by Kob และไร่องุ่นกำนันเม้ง 101 หมู่ 5 (ทางเข้าบ้านบ่อตะนะ) ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก ที่นี่มีองุ่นไร้เมล็ดให้เลือกซื้อ โทรศัพท์ 0 3634 1015



อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น เดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย หรือ อุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น มีพื้นที่ครอบคลุม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แก่งคอย หนองแค และวิหารแดง มีเนื้อที่ประมาณ 44 ตารางกิโลเมตร หรือ 27,856 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ภายในอุทยานฯ ประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ มีที่ราบในหุบเขา ยอดที่สูงที่สุด คือ เขาครก สูงประมาณ 329 เมตร เป็นจุดชมวิวที่อยู่สูงที่สุดสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ที่สวยงามรอบ ๆ ตัวเมืองสระบุรี และอำเภอใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นที่ส่องกล้องดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม สภาพพื้นที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ สัตว์ป่าที่พบมีอยู่หลายชนิด ประมาณเดือนตุลาคม-มกราคม เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นเหมาะสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน
    อีกทั้งภายในบริเวณอุทยานฯ มีน้ำตกหลายแห่ง ได้แก่ น้ำตกสามหลั่น เป็นลานหินกว้างเรียงซ้อนกันเป็นสามชั้นมองดูคล้ายบันได ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตก, น้ำตกโพธิ์หินดาษ เป็นน้ำตกชั้นเดียวเตี้ย ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณน้ำตกเป็นลานหินกว้าง มีต้นโพธิ์แผ่กิ่งก้านสาขา และต้นน้ำที่ไหลมายังน้ำตกโพธิ์หินดาดยังไหลไปสู่ น้ำตกโตนรากไทร ซึ่งห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 400 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวตกลงมาจากหน้าผาหินสูง 7 เมตร สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง รอบ ๆ แอ่งน้ำมีโขดหินน้อยใหญ่ใช้เป็นที่นั่งชมน้ำตกได้  ทางอุทยานฯ ได้ทำเส้นทางเดินเท้าเชื่อมโยงระหว่างน้ำตกเหล่านี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องย้อนกลับเส้นทางเดิม น้ำตกจะมีความสวยงามมากที่สุดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนตุลาคม
   สำหรับสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขารวก เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก อยู่ระหว่างเขารวกและเขาแดง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2523 มีที่สำหรับนั่งชมทิวทัศน์ และประกอบกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ เช่น พายเรือคายัก ปั่นเรือถีบ เล่นน้ำ เป็นต้น, อุโมงค์รถไฟพระพุทธฉาย เป็นอุโมงค์รถไฟชนิดทางเดียวกว้าง 7 เมตร สูง 7 เมตร ยาว 1,197 เมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2537 เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทยโดยฝีมือคนไทย อยู่บริเวณเขาช่องลิง รอยต่อระหว่างตำบลเจริญธรรม อำเภอวิหารแดง และตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี
    อนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ของกองทัพญี่ปุ่น (เขาแดง) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้ยึดครองบริเวณเขาแดงเป็นฐานทัพ และใช้เป็นสถานที่กักขังเชลยด้วย ยังมีร่องรอยของหลุมระเบิดที่ทหารญี่ปุ่นทิ้งไว้ สิ่งปลูกสร้างที่ทหารญี่ปุ่นสร้างไว้ ได้แก่ อุโมงค์บัญชาการ สนามเพลาะตลอดแนวเขา ห้องผู้บัญชาการ ห้องเก็บสมบัติ แนวบังเกอร์, ซากเจดีย์โบราณบนยอดเขาเรดาร์ คาดว่าเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกฟ้าผ่าเสียหาย ปัจจุบันก็ยังพอมีร่องรอยให้เห็นอยู่ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง คือ ทหารญี่ปุ่นได้ใช้เขาเรดาร์นี้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่ด้วย


 ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์เจ็ดคต-โป่งก้อนเสา เป็นสถานที่ที่มีเขตเชื่อมต่อมาจาก “เขาใหญ่” อยู่ในเขตตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 13,750 ไร่ เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2543 โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการแบ่งเบาภาระในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจากอุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่และเน้นการปฏิบัติงานด้านป่าไม้ 3 เรื่องคือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ, การศึกษาวิจัยค้นคว้าด้านวิชาการ และการบริการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
    จุดที่น่าสนใจหลัก ๆ คือ จุดชมวิวมอเครือ ที่สามารถชมทัศนียภาพมุมกว้างสุดสายตา, น้ำตกเจ็ดคต ที่มีต้นกำเนิดจากลำห้วยเจ็ดคต ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำตก 4 แห่ง คือ เจ็ดคตเหนือ, เจ็ดคตกลาง, เจ็ดคตใต้ และเจ็ดคตใหญ่ ตามลำดับ และเส้นทางการท่องไพรเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่แบ่งเป็นรอบเล็ก, กลาง และใหญ่

    ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และยังคงสภาพธรรมชาติเอาไว้ให้ได้มากทำให้ที่นี่เริ่มเป็นที่นิยมของนักท่อง เที่ยวนิยมไพรและธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดจะมีผู้มาใช้บริการกันอย่างคับคั่งเลยที เดียว อีกทั้งกำลังเป็นที่เล่าลือในหมู่นักถ่ายภาพธรรมชาติ เพราะที่นี่มีทั้งผีเสื้อหลากลหายสายพันธุ์และเห็ดชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเห็ดถ้วยหรือ “เห็ดแชมเปญ” และเห็ดถ้วยขนก็มีการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างมากในพื้นที่แห่งนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าต้องเลือกมาให้ถูกช่วงเวลานั้น ก็คือ ช่วงค่อนปลายฤดูฝน (เดือนสิงหาคม-กันยายน) ซึ่งความชื้นจะเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเห็ดทั้งหลายเหล่านี้
   อย่างไรก็ตาม ในศูนย์ฯ มีบ้านพักทั้งแบบแอร์และพัดลม รวมไปถึงลานกางเต็นท์ใกล้ ๆ กัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 08 9237 8659, 08 5963 3520


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประวัติส่วนตัว ชื่อ รัศมี นามสกุล มีเย็น วัน/เดือน/ปีเกิด 7/8/40 ชื่อเล่น แพรว อายุ 20 อาหารที่ชอบ ข้าวผัดหมู สีที่...